เตรียมตัวอย่างไร เมื่อฉันจะไปอยู่ต่างประเทศ
บทความนี้จะพูดถึงแนวคิดของเรา ที่เราทำเพื่อเตรียมตัวไปต่างประเทศค่ะ เผื่อไว้เป็นแนวคิดให้คนอื่นๆ นะคะ
เราก็จะค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก่อนค่ะว่า เรื่องอะไรที่ "🙅ไม่ควรทำ ❌" ในประเทศนั้นๆ และอะไรที่อาจจะทำให้เรารู้สึกแปลกๆ เพราะว่าวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เราก็ไม่อยากทำอะไรให้ใครขุ่นข้องหมองใจด้วยความไม่รู้ใช่ไหมคะ แล้วก็ถ้าทำอะไรที่เป็นการผูกมิตรได้ ก็น่าจะดี
ตัวอย่างเช่น ที่ประเทศญี่ปุ่น
🙅ไม่ควรคุยโทรศัพท์ หรือส่งเสียงรบกวนผู้อื่นในรถไฟ
🙅ไม่มีการให้ทิปพนักงานตามร้านต่างๆ เพราะว่าการบริการคือหัวใจสำคัญของเขา
🙅การยืนบนบรรไดเลื่อน จะมีฝั่งสำหรับยืน และฝั่งสำหรับเดิน อย่ายืนคู่กรณีไปกับเพื่อน
😮ตามร้านอาหารที่เปิดยามเย็น จะมีจานอาหารเล็กๆ มาเสริฟ เรียกว่า service โดยที่เราไม่ได้สั่ง ซึ่งจะคิดเงินด้วย ราคาประมาณ 400 เยน
😮คนญี่ปุ่นใส่เสื้อผ้าคุมโทน สีสุภาพ ไม่นิยมใส่รองเท้าแตะออกนอกบ้าน (เคยเห็นน้อยมาก)
และอื่นๆ อีกมากมายยยยยยยย แต่วันนี้จะไม่ได้พูดถึงประเทศญี่ปุ่นขอข้ามไปก่อนค่ะ 😀
✅Do & Don't และ Culture Shock
เรื่องนี้จะเป็นเรื่องแรกๆ ที่ทำค่ะ ก่อนไปประเทศไหนก็ตามเราก็จะค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตก่อนค่ะว่า เรื่องอะไรที่ "🙅ไม่ควรทำ ❌" ในประเทศนั้นๆ และอะไรที่อาจจะทำให้เรารู้สึกแปลกๆ เพราะว่าวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เราก็ไม่อยากทำอะไรให้ใครขุ่นข้องหมองใจด้วยความไม่รู้ใช่ไหมคะ แล้วก็ถ้าทำอะไรที่เป็นการผูกมิตรได้ ก็น่าจะดี
ตัวอย่างเช่น ที่ประเทศญี่ปุ่น
🙅ไม่ควรคุยโทรศัพท์ หรือส่งเสียงรบกวนผู้อื่นในรถไฟ
🙅ไม่มีการให้ทิปพนักงานตามร้านต่างๆ เพราะว่าการบริการคือหัวใจสำคัญของเขา
🙅การยืนบนบรรไดเลื่อน จะมีฝั่งสำหรับยืน และฝั่งสำหรับเดิน อย่ายืนคู่กรณีไปกับเพื่อน
😮ตามร้านอาหารที่เปิดยามเย็น จะมีจานอาหารเล็กๆ มาเสริฟ เรียกว่า service โดยที่เราไม่ได้สั่ง ซึ่งจะคิดเงินด้วย ราคาประมาณ 400 เยน
😮คนญี่ปุ่นใส่เสื้อผ้าคุมโทน สีสุภาพ ไม่นิยมใส่รองเท้าแตะออกนอกบ้าน (เคยเห็นน้อยมาก)
และอื่นๆ อีกมากมายยยยยยยย แต่วันนี้จะไม่ได้พูดถึงประเทศญี่ปุ่นขอข้ามไปก่อนค่ะ 😀
✅ศึกษาคำทักทายเบื้องต้น
อันนี้เป็นความชอบส่วนตัวค่ะ เพราะเป็นคนชอบมีเพื่อน เลยชอบที่จะศึกษาคำพูดง่ายๆ
เพื่อไปทักทายคนประเทศนั้นๆ ถึงแม้เขาจะพูดภาษาอังกฤษได้ก็ตาม
เช่น คำว่าสวัสดีในเวลาต่างๆ คำว่าขอบคุณ แนะนำตัวเอง เป็นต้นค่ะ
จากประสบการณ์ที่ผ่าน ได้ผลดีนักแล..
✅SIM Card
ก่อนไปต่างประเทศ เรามักจะศึกษาว่า เราจะไปซื้อซิมได้ที่ไหน หรือถ้าซื้อไปจากเมืองไทยได้ เราก็จะซื้อไปเลย เพราะเวลาไปถึงสนามบิน เราจะเปลี่ยนซิมเลย แล้วเริ่มใช้ google map ในการเดินทางค่ะ
✅เตรียมตัวเรื่องการเดินทางเข้าที่พัก
ปกติแล้ว ก่อนไปต่างประเทศ เราจะศึกษาเส้นทางก่อนค่ะ ว่าไปถึงสนามบินแล้ว จะเดินทางไปที่พักได้อย่างไร เพื่อที่จะได้ไม่ฉุกละหุกตอนที่ไปถึง แล้วก็จดลงกระดาษลงไปด้วย เพราะมือถือ อาจจะมีปัญหาตอนไปถึง จดพวกสายรถเมล์ที่จะไปที่อยู่ เลขที่ที่อยู่ เป็นต้น
✅ศึกษาสภาพอากาศ
ก่อนไปควรศึกษาสภาพอากาศของประเทศนั้นๆ เพื่อจะได้เตรียมเสื้อผ้าที่ควรใส่ ว่าร้อน หรือหนาว หรืออุณหภูมิประมาณไหนนะคะ แล้วอาจจะต้องเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ เช่น ร่ม หรือเสื้อกันฝนไปด้วย
✅ลักษณะการแต่งการ
จะได้คุมโทนให้ใกล้เคียงกับชาวท้องถิ่น
✅ยาสามัญประจำบ้าน
เกือบทุกๆ ครั้งที่ไปต่างประเทศ เราจะไปอยู่แบบระยะยาว
การที่ภาษาไม่แข็งแรงก็เป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งในเวลาที่เจ็บป่วยนะคะ
เราจะมียาสามัญประจำบ้าน เล็กๆ น้อยๆ เตรียมไปด้วยเสมอค่ะ
การพกยา เราก็จะพกไปทั้งฉลาก ถึงบางแผงยาจะถูกใช้ไปบ้างแล้ว เราก็จะไม่ตัดแผงยาให้สั้นลง เพราะว่าวันที่หมดอายุยา จะอยู่ปลายๆ แผงยานะคะ เดี๋ยวเราจะตรวจสอบไม่ได้ว่ามันหมดอายุเมื่อไร
อีกอย่างที่สำคัญคือ ต้องหาข้อมูลนิดนึงค่ะว่า ยาอะไรที่บางประเทศอนุญาตให้ใช้ได้ แต่เราไม่สามารถนำไปประเทศปลายทางได้ เช่น Artifed
ยาสามัญประจำบ้านที่มักจะติดไปก็มี ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก ปวดศรีษะ แก้อักเสบ แก้ตาอักเสบ (อันนี้เคยไปตาอักเสบตอนอยู่ญี่ปุ่นค่ะ คิดว่าน่าจะพวกละอองเกษรต่างๆ) ยาแก้ปวดเมื่อย เช่น พวกยาหม่อง หรือแผ่นแปะ ยาแก้ไอ ยาแก้ฝี (อันนี้เกิดมาเคยเป็นหนึ่งครั้ง หาแผ่นแปะ ติดไปโลด) ยาใส่แผลสด พลาสเตอร์แปะแผล ท้องเสีย ท้องอืด และอื่นๆ ที่สามารถรักษาอาการเบื้องต้น หรือหวัดเล็กๆ น้อยๆ นะคะ ถ้าเป็นเยอะๆ ไปหาหมอเถอะค่ะ 😀
✅ของใช้ประจำส่วนตัวที่หาที่ประเทศอื่นลำบาก
ส่วนตัวก็มียาสระผม ที่หนังศีรษะไม่ได้เป็นมิตรกับทุกยี่ห้อ เลยต้องพกไปเล็กน้อย
✅อาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ
อันนี้เอาไว้ทานเวลาไปถึงแล้ว เผื่อว่าเหนื่อยกับการเดินทางมาก ๆ แล้วไปอยากออกไปหาอะไรทาน
Comments
Post a Comment