หาที่เรียนต่อปริญญาโทอย่างไรในต่างประเทศ

สำหรับหลายๆ คน คงมีแนวทางในการค้นหาที่เรียน และวัตถุประสงค์ของการไปเรียนปริญญาโทแตกต่างกันออกไป สำหรับเราแล้ว เราถามตัวเองในหลายๆ ปีก่อนว่ามันจำเป็นสำหรับเราไหม เรียนจบแล้วเราจะเอาความรู้ที่ได้ไปทำอะไร หลายปีผ่านไป จนไม่ได้คิดเรื่องเรียนต่อแล้ว จู่ๆ ก็เกิดแรงบันดาลใจขึ้นมา

โดยสาขาที่เราต้องการเรียนนั้น เราจะเน้นทางด้าน AI (Artificial Intelligence) เพื่อนำไปต่อยอดการพัฒนาซอฟต์แวร์ในแบบที่เคยทำ

เมื่อเป้าหมายเริ่มชัด แรงบันดาลใจก็มา การค้นหาที่เรียนต่อ ให้โดนใจ จึงเริ่มขึ้น... ✌


โดยส่วนตัวแล้ว เราเน้นที่วิชาที่เราจะได้เรียนตลอดหลักสูตรแต่ละวิชา (เจาะเป็นรายวิชาไปเลยทีเดียว) แต่ก่อนที่จะเจาะรายวิชาได้ เราก็ต้องที่หลักสูตร และสถานที่ ที่จะไปเรียนก่อน เราหาหลักสูตรนั้นๆ จากที่ไหน มาดูกันค่ะ ..

🔎 หาที่เรียน 🏫

หลายๆ คนอาจจะมีเงื่อนไขในการเลือกที่เรียน ที่แตกต่างกัน สำหรับเรา เราค้นหาหลักสูตรก่อน แล้วค่อยตัดออกไป ตามเงื่อนไขที่ต้องการ

ก่อนอื่นก็อยากพูดถึงสิ่งที่ได้เรียนรู้ จากการค้นหาสถานที่เรียนโดยรวมๆ ก่อน
📌ประเทศเยอรมัน มีเรียนฟรีเยอะเลย ระยะเวลาในการเรียนปริญญาโทปกติแล้ว 2 ปีค่ะ
📌หลายๆ ประเทศ (โดยส่วนมากเลย) ค่าเทอมของนักศึกษาที่ไม่ใช่นักศึกษาในกลุ่ม EU เสียค่าเทอมแพงกว่านักศึกษาในกลุ่ม EU อย่างน้อยหนึ่งเท่า เราเคยเห็นแบบ x3 เหมือนกัน
📌ประเทศบางประเทศ เช่น สเปน อิตาลี โปแลนด์ เบลเยี่ยม ค่าเทอมไม่ค่อยแพง ถึงแม้เป็นนักศึกษาที่ไม่ได้อยู่ในกลุ่ม EU ก็ราคาไม่ต่างกันมาก หรือบางที่ค่าเทอมก็เสียในอัตราเดียวกัน

🔎 หาที่หลักสูตรที่ใช่

เราหาที่หลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับที่เราอยากเรียนจากเว็บไซต์ เช่น mastersportal.com, findamaster.com แล้วก็จาก google โดยตรงด้วยคำสำคัญในการค้นหา (keywords) ในหัวข้อที่เราสนใจ อย่างเช่น เราสนใจด้าน AI เราก็จะใช้ keywords เช่น Intelligent, Intelligence, Artificial Intelligence, Machine Learning, Robotic, Robot etc. เพื่อให้เจอกับสาขาที่เราต้องการมากขึ้น

การค้นหาจากเว็บไซต์ด้านการศึกษา ก็จะมีตัวกรองข้อมูลให้เราเลือก เช่น ระยะเวลาต่อหลักสูตร ค่าเรียน ประเทศ และอื่นๆ เราก็กรองข้อมูลจากสิ่งที่เราต้องการ

หลังจากได้รายการหลักสูตรที่ตรงกับคำค้นหาในมหาวิทยาลัยต่างๆ เยอะมากพอสมควร เราก็ค่อยๆ พิจารณาทีละรายการ ว่ารายละเอียดของแต่ละรายการตรงกับความต้องการเราหรือไม่ สำหรับเราแล้ว สิ่งที่ต้องคิดก็ได้แก่ ...

✅ภาษาที่ใช้ในการเรียนการสอน
สำหรับเราเน้นภาษาอังกฤษอย่างเดียวค่ะ ภาษาอื่นไม่รอดแน่ๆ เหอๆ

✅ค่าเทอม และค่าครองชีพตลอดเวลาที่เราจะใช้เรียน
เราส่งตัวเองเรียนด้วยเงินจากการทำงานที่เราเก็บสะสมมา เรื่องนี้จึงสำคัญมากสำหรับเรา
ต้องมั่นใจว่า ตลอดเวลาที่เรียน จะไม่มีปัญหาให้กังวลเรื่องการเงิน จนกระทบกับการเรียน
ฉะนั้น ประเทศที่เราต้องเสียค่าเรียนแพงมากๆ (เพราะเราเป็น Non-EU student) เราจะตัดสิ่งเหล่านั้นออกไปจากตัวเลือก


✅ ประเทศ ⛳
ตอนแรกในใจเราไม่ได้เจาะจงว่าเป็นประเทศอะไร แต่พอเราดูค่าเทอมแล้ว หลายๆ ประเทศ ถ้าเราไม่ใช่นักเรียนในกลุ่ม EU อย่างที่เกริ่นไว้ข้างต้น ค่าเทอมจะแพงมาก ก็เลยตัดประเทศเหล่านั้นออก และในบางประเทศที่มีความไม่สงบทางด้านการเมือง สงคราม ความไม่ปลอดภัยสูง เราก็ต้องตัดออกไปเช่นกัน

✅ รายวิชาที่จะได้เรียน 📚
หลักจากได้ชื่อหลักสูตร เราเจาะไปดูทุกรายวิชา ที่เราจะได้เรียนว่าใช่ที่เราอยากเรียนรู้หรือเปล่า รูปแบบการเรียนการสอน


✅ รูปแบบการเรียนการสอน
จากที่เราพูดคุยกับเพื่อนๆ ที่เรียนปริญญาโท ในเอเชีย (เพื่อนต่างชาติ ที่เรียนปริญญาโทในญี่ปุ่น) และยุโรป ทำให้เราได้รู้ว่า รูปแบบการเรียนการสอนนั้นแตกต่างกัน การเรียนในประเทศทางเอเชียจะเป็นแบบเรียนตามอาจารย์สอน (อธิบายไม่ถูก) แต่ทางยุโรปจะเป็นแบบคู่คิด เพื่อนเราบอกเราว่า "แบบเธอควรไปเรียนทางยุโรป" 😏( หืมมม หมายความว่าไง)


✅ ระยะเวลาตลอดหลักสูตร ⌛
เราต้องการเรียนไม่เกิน 1 ปีครึ่ง เพราะเราแก่แล้ว ฮ่าๆ ถ้าเรียนปีเดียวจะได้ประหยัดค่าครองชีพด้วย ถ้าอยู่ยาวๆ น่าจะจ่ายไม่ไหว แต่ก็จะแลกมาด้วยการเรียนแบบอัดแน่น! อันนี้ยอม... ด้วยเหตุนี้จึงต้องตัดเยอรมันออกไป

สุดท้ายเราเหลือตัวเลือกที่ไหนบ้าง?

จากเงื่อนข้างบน เราใช้เวลาในการค้นหาสถานที่เรียนค่อนข้างนาน และเคร่งเครียด พอสมควร เพราะเราต้องการที่ ที่เราถูกใจจริงๆ ลงทุนการเรียนครั้งนี้ ด้วยเงินเก็บ เวลา และต้องตั้งใจ

จากการเปลี่ยน keywords ไปมา และกรองออกไปทีละนิด เราไม่อยากสมัครแบบหว่านเกลื่อน เราเน้นสมัครที่ ที่เราอยากไปเรียนจริงๆ ฉะนั้น เราเหลือมหาวิทยาลัยที่เราสมัครที่ประเทศ อิตาลี สเปน ฝรั่งเศส และโปแลนด์  จริงๆ เราอยากสมัครที่เบลเยี่ยมด้วย แต่สมัครไม่ทันเริ่มเรียนปี้นี้ ต้องรอปีหน้า เลยต้องตัดออกไป

ทำไมไม่เรียนที่ไทย?

หาที่เรียนด้านนี้ไม่ได้ค่าาาาา จบข่าว เศร้า

ปัญหาที่เจอเกี่ยวกับการสมัครเรียน

หลังจากที่ได้รายชื่อหลักสูตร และมหาวิทยาลัยที่ต้องการสมัครแล้ว เราก็เริ่มส่งอีเมล์ติดต่อสอบถาม
บางที่ก็จะมีรายละเอียดชัดเจนว่า ระบบจะเปิดรับสมัครวันที่เท่าไร สำหรับกรณีนี้ก็รอไป (แต่ระหว่างก็ต้องเตรียมเอกสารให้พร้อมนะคะ เรื่องเอกสารจะเล่าให้ฟังทีหลังค่ะ) แต่สำหรับบางที่ ไม่มีข้อมูลว่าจะเปิดเมื่อไร ต้องการเอกสารอะไรบ้าง ก็ได้แต่ส่งอีเมล์ไปถาม แต่เราก็เจอกรณีที่ส่งอีเมล์ไปถามแล้วเงียบหายไป ทีนี้เราทำอย่างไร...

❗หาข้อมูลติดต่อจาก facebook
ส่งข้อความไปสอบถาม (แต่เงียบอีก)

❗หาคนที่น่าจะทำงานอยู่ในสถานศึกษานั้นจาก LinkedIn
อันนี้เราโชคดี เจอคนใจดีชาวอิตาลี น่ารักมาก ส่งอีเมล์อาจารย์หัวหน้าภาคมาให้เราเลยทีเดียว เราก็ได้อีเมล์ไปสอบถามอาจารย์ และได้คำตอบว่า "หลักสูตรนั้นไม่เปิดแล้วจ้า" ป๊าด นี่เราเข้าไปเว็บไซต์ของมหาวิทยาลัยแล้วนะ ไม่บอกกันบ้างเล้ยยย ว่าไม่เปิดแล้ว

การพิจารณาคุณสมบัติ และการสัมภาษณ์

หลังจากลงทะเบียน ยื่นเอกสารสมัครเรียนร้อยแล้ว ก็จะมีบางที่ ที่ต้องมีการสัมภาษณ์ หรือสอบ หลักสูตรที่เราสมัครมีที่หนึ่งที่ต้องมีการสัมภาษณ์กับอาจารย์ คือที่อิตาลี ทางมหาวิทยาลัยก็จะนัดหมายวันเวลา และเราก็เตรียม Skype ให้พร้อมก่อนเวลา ส่วนที่อื่นๆ ที่เราสมัครจะเป็นการพิจารณาจากเอกสารที่เรายื่น โดยเอกสารมีอะไรบ้างและเตรียมอย่างไร เราจะเขียนในตอนถัดไปนะคะ ... 👉

Comments